ธรณีประวัติ
นักธรณีวิทยาแบ่งช่วงเวลาของโลก นับตั้งแต่อุบัติขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยใช้มาตราธรณีกาล (Geological time scale) ซึ่งพิจารณาจากชนิดของซากสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ (Fossil) ซึ่งฝังตัวอยู่ในชั้นหิน โดยจำแนกคาบเวลาออกเป็น บรมยุค มหายุค ยุค สมัย และพบว่ามนุษย์เป็นสายพันธุ์ที่ใหม่มากเมื่อเทียบกับอายุของโลก ซึ่งหากเปรียบเทียบระยะเวลาที่โลกกำเนิดขึ้นมา 4,600 ล้านปี กับระยะทางของถนนรอบประเทศไทยประมาณ 4,600 กิโลเมตร จะพบว่าระยะเวลาที่สายพันธุ์โฮโมเซเปียนอุบัติขึ้นมา 10,000 ปี เทียบได้เท่ากับระยะทางเพียง 1 มิลลิเมตรสุดท้ายเท่านั้นเอง
มาตราธรณีกาล
มาตราทางธรณีกาล (Geological time scale) นักธรณีวิทยาแบ่งเวลานับตั้งแต่โลกเกิดขึ้นมาจนถึงปัจจุบันออกเป็นคาบเวลา จากใหญ่ไปเล็กได้แก่ บรมยุค (Eon), มหายุค (Era),
ยุค
(Period), สมัย (Epoch) โดยทั้งหมดมี 3 บรมยุค (Eon)
ได้แก่
อาร์คีโอโซอิค (Archaeozoic) เป็นบรมยุคแรกของโลก
โพรเทอโรโซอิค (Proterozoic) เป็นภาษากรีก แปลว่า สิ่งมีชิวิตเพิ่งอุบัติขึ้น
ฟาเนอโรโซอิก (Phanerozoic) เป็นภาษากรีก แปลว่า มีสิ่งมีชีวิตปรากฏให้เห็น
แม้ว่าเซลล์โพรคาริโอตจะเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์แรกของโลก
ซึ่งอุบัติขึ้นในบรมยุคอาร์คีโอโซอิคเมื่อประมาณ 4,000 ล้านปีมาแล้ว
แต่สายพันธุ์โฮโมเซเปียนส์ของมนุษย์เพิ่งอุบัติขึ้นเมื่อ 10,000 ปีที่ผ่านมาในบรมยุคฟาเนอโรโซอิค
(Phanerozoic) มหายุคเซโนโซอิก (Cenozoic) ยุคควอเทอนารี
(Quaternary) สมัยโฮโลซีน (Holocene) ดังที่แสดงในตาราง
ตารางที่ 1 เวลาทางธรณีวิทยา
บรมยุค
(Eon) |
มหายุค
(Era) |
ยุค
(Period) |
เวลา
(ล้านปีก่อน) |
เหตุการณ์
|
|
อาร์คีโอโซอิก
|
-
-
|
พรีแคมเบรียน
|
4,600
|
กำเนิดโลก
|
|
โพรเทอโรโซอิก
|
2,500
|
พืชและสัตว์ชั้นต่ำ กำเนิดออกซิเจน
|
|||
ฟาเนอโรโซอิก
-
|
พาลีโอ
โซอิก |
แคมเบรียน
|
545
|
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอยู่ในทะเล
|
|
ออร์โดวิเชียน
|
490
|
หอยและปู ปลาไม่มีขากรรไกร
|
|||
ไซลูเรียน
|
443
|
พืชบกใช้สปอร์ ปลามีขากรรไกร
|
|||
ดีโวเนียน
|
417
|
แมลง สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ พืชมีท่อ
|
|||
คาร์บอนิเฟอรัส
|
354
|
ป่าผืนใหญ่ เกิดสัตว์เลื้อยคลาน
|
|||
เพอร์เมียน
|
295
|
เฟิร์นและสน การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่สุด ทวีปใหญ่พันเจีย
|
|||
เมโสโซอิก
|
ไทรแอสสิก
|
248
|
สัตว์เลื้อยคลานเลี้ยงลูกด้วยนม
|
||
จูแรสสิก
|
205
|
ไดโนเสาร์เฟื่องฟู นกพวกแรก
|
|||
เครเทเชียส
|
144
|
พืชดอก ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ในปลายยุค
|
|||
เซโนโซอิก
|
เทอเชียรี
|
พาลีโอจีน
|
65
|
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแพร่พันธุ์
|
|
นีโอจีน
|
24
|
ลิงยืนสองขา โฮโมอีเรกตัส
|
|||
ควอเทอนารี
|
ไพลสโตซีน
|
1.8
|
เสือเขี้ยวโค้ง ช้างแมมมอท และหมีถ้ำ
|
||
โฮโลซีน
|
0.01
|
มนุษย์โฮโมเซเปียนส์
|
บรมยุคทั้งสาม
บรมยุคอาร์คีโอโซอิค (Archaeozoic eon)
นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่โลกก่อกำเนิดขึ้นมาเมื่อ 4,600 ล้านปีก่อนจนถึง 2,500 พันล้านปีก่อน พื้นผิวโลกในช่วงนั้นร้อนละอุไปด้วยภูเขาไฟและธารลาวา อุกกาบาตซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากดาวเคราะห์น้อยและดาวหางพุ่งชนโลก บรรยากาศเต็มไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ ไอน้ำ และไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งพ่นออกมาจากปล่องภูเขาไฟทำให้พื้นผิวโลกมีสภาพเป็นภาวะเรือนกระจก สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นเป็นเซลล์โพรคาริโอต ไม่มีนิวเคลียส อาศัยธาตุอาหารจากสารเคมีที่ปล่อยมาจากปล่อยภูเขาไฟและน้ำพุร้อนใต้มหาสมุทร วิวัฒนาการของโลกในบรมยุคอาร์คีโอโซอิคมีดังนี้
- 4,600 ล้านปีก่อน ฝุ่นแก๊สและอนุภาคต่างๆ ในโซลาร์เนบิวลา (Solar nebula) รวมตัวกันเป็นดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ทั้งหลาย พื้นผิวของโลกในยุคแรกร้อนมากมีสถานะเป็นของเหลว บรรยากาศหนาแน่นไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และไอน้ำที่ปล่อยออกจากปล่องภูเขาไฟ
- 4,200 ล้านปีก่อน เปลือกโลกเย็นตัวลงและเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง ไอน้ำในบรรยากาศควบแน่นเป็นฝนและละลายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ลงสู่พื้นผิว
- 4,000 ล้านปีก่อน กำเนิดโมเลกุลของสิ่งมีชีวิต (RNA)
- 3,800 ล้านปีก่อน หินตะกอนที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอยู่ที่เกาะกรีนแลนด์
- 3,500 ล้านปีก่อน กำเนิดเซลล์โพรคารีโอต (Prokaryotic cell) ไม่มีนิวเคลียส
- 3,400 ล้านปีก่อน น้ำฝนที่ตกขังบนแอ่งที่ราบไหลรวมตัวกันกลายเป็นทะเล สิ่งมีชีวิตเช่น แบคทีเรียสีเขียว (Cyanobacteria) และสโตรมาโทไลต์ (Stromatolites) สร้างคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ตรึงแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศมาสร้างอาหารด้วยการสังเคราะห์แสง (Photosynthesis) แล้วปล่อยแก๊สออกซิเจนขึ้นสู่บรรยากาศ
- 2,600 ล้านปี ปริมาณน้ำในมหาสมุทรเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับปัจจุบัน
บรมยุคโพรเทอโรโซอิก (Proterozoic eon)
คือช่วงเวลาตั้งแต่ 2,500 - 545 ล้านปีก่อน
โลกเย็นตัวลงจนมียุคน้ำแข็งเกิดขึ้นสลับกันไปทุกๆ หลายร้อยล้านปี
เปลือกโลกมีการผุพังและสึกกร่อนจนเกิดตะกอน ทำให้ชายฝั่งทะเลตื้นเขิน
สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรแพร่พันธุ์ทวีปริมาณเพิ่มขึ้นจนต้องวิวัฒนาการขึ้นมา
อยู่บนบก
- 2,500 ล้านปีก่อน เกิดเซลล์ยูคารีโอต (Eukaryotic cells) ซึ่งมีนิวเคลียสและโครงสร้างซับซ้อน
- 2,000 ล้านปีก่อน
แก๊สออกซิเจนที่ปล่อยจากสิ่งมีชีวิตลอยตัวขึ้นสู่บรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์
และดูดกลืนรังสีอัลตราไวโอเล็ต แปรสภาพเป็นแก๊สโอโซน
- 1,800 ล้านปีก่อน เกิดการแบ่งเพศของสิ่งมีชีวิต
- 1,400 ล้านปีก่อน เกิดสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์
- 1,000 ล้านปีก่อน ปริมาณแก๊สออกซิเจนเท่ากับร้อยละ 18 ของปัจจุบัน
โอโซนในชั้นสโตสเฟียร์ห่อหุ้มโลก
ทำให้สิ่งมีชีวิตเริ่มอพยพขึ้นมาอยู่บนบกได้อย่างปลอดภัย
บรมยุคฟาเนอโรโซอิก (Phanerozoic eon)
นับตั้งแต่ 545 ล้านปีก่อนจนถึงปัจจุบัน
เป็นช่วงเวลาที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ทั้งในมหาสมุทรและบนแผ่นดิน บรมยุคฟาเนอโรโซอิกแบ่งย่อยออกเป็น
3 มหายุค (Era) ดังนี้
- พาเลโอโซอิก (Palaeozoic era) คือช่วง 545 –
245
ล้านปีก่อน เป็นมหายุคเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิตทั้งในมหาสมุทรและบนบก
- เมโสโซอิก (Mesozoic
era) คือช่วง 245 – 65 ล้านปีก่อน เป็นมหายุคของสัตว์เลื้อยคลานจำพวกไดโนเสาร์
- เซโนโซอิก (Cenozoic
era) คือช่วง 65 ล้านปีก่อนจนถึงปัจจุบัน
เป็นมหายุคของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ยุคของสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์
แม้ว่านักธรณี วิทยาจะแบ่งเวลาในอดีตของโลกออกเป็น 3 บรมยุค
แต่ในบรมยุคอาร์คีโอโซอิกและโพรเทอโรโซอิกมีแต่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำขนาดเล็ก
และไม่มีหลักฐานฟอสซิลปรากฏมากนัก เนื่องจากกระบวนการธรณีแปรสัณฐาน (Plate Tectonics)
ทำให้เกิดวัฏจักรการสร้างและทำลายแผ่นเปลือกโลก
หินบนโลกส่วนใหญ่จึงมีอายุไม่เกิน 500 ล้านปี
นักธรณีวิทยาจึงเรียกช่วงเวลาของสองบรมยุคนี้ว่า พรีแคมเบียน (Precambian period)
ซึ่งหมายถึง
ช่วงเวลาก่อนที่จะถึงยุคแคมเบียน (Cambian) และแบ่งช่วงเวลาของบรมยุคฟาเนอโรโซอิกออกเป็น 3
มหายุค ซึ่งแบ่งย่อยเป็น 11 ยุค
โดยพิจารณาจากประเภทของฟอสซิลซึ่งแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังข้อมูลในตาราง
ตารางที่ 1 เวลาทางธรณีวิทยา
บรมยุค
(Aeon) |
มหายุค
(Era) |
ยุค
(Period) |
เวลา
(ล้านปีก่อน) |
เหตุการณ์
|
|
อาร์คีโอโซอิก
|
-
-
|
พรีแคมเบรียน
|
4,600
|
กำเนิดโลก
|
|
โพรเทอโรโซอิก
|
2,500
|
พืชและสัตว์ชั้นต่ำ กำเนิดออกซิเจน
|
|||
ฟาเนอโรโซอิก
-
|
พาลีโอ
โซอิก |
แคมเบรียน
|
545
|
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอยู่ในทะเล
|
|
ออร์โดวิเชียน
|
490
|
หอยและปู ปลาไม่มีขากรรไกร
|
|||
ไซลูเรียน
|
443
|
พืชบกใช้สปอร์ ปลามีขากรรไกร
|
|||
ดีโวเนียน
|
417
|
แมลง สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ พืชมีท่อ
|
|||
คาร์บอนิเฟอรัส
|
354
|
ป่าผืนใหญ่ เกิดสัตว์เลื้อยคลาน
|
|||
เพอร์เมียน
|
295
|
เฟิร์นและสน การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่สุด
|
|||
เมโสโซอิก
|
ไทรแอสสิก
|
248
|
สัตว์เลื้อยคลานเลี้ยงลูกด้วยนม
|
||
จูแรสสิก
|
205
|
ไดโนเสาร์เฟื่องฟู นกพวกแรก
|
|||
เครเทเชียส
|
144
|
พืชดอก ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ในปลายยุค
|
|||
เซโนโซอิก
|
เทอเชียรี
|
พาลีโอจีน
|
65
|
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแพร่พันธุ์
|
|
นีโอจีน
|
24
|
ลิงยืนสองขา โฮโมอีเรกตัส
|
|||
ควอเทอนารี
|
ไพลส์โตซีน
|
1.8
|
เสือเขี้ยวโค้ง ช้างแมมมอท และหมีถ้ำ
|
||
โฮโลซีน
|
0.01
|
มนุษย์โฮโมเซเปียนส์
|
พรีแคมเบียน (Precambrian)
เป็นช่วงเวลานับตั้งแต่โลกถือกำเนิดขึ้นมาจนถึง
545 ล้านปีก่อน
ในบรมยุคอาร์คีโอโซอิกและโพรเทอโรโซอิกซึ่งปรากฏฟอสซิลให้เห็นน้อยมาก หินตะกอนที่เก่าแก่ที่สุดพบที่กรีนแลนด์มีอายุ
3,800 พันล้านปี ฟอสซิลที่ดึกดำบรรพ์ที่สุดคือ แบคทีเรียโบราณอายุ 3.5
พันล้านปี
ออร์โดวิเชียน
(Ordovician)
อยู่ในช่วง 490 – 443 ล้านปีก่อน ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สโตรมาโทไลต์ลดน้อยลง เกิดประการัง ไบรโอซัว และปลาหมึก สัตว์ทะเลแพร่พันธุ์ขึ้นสู่บริเวณน้ำตื้น เกิดสัตว์มีกระดูกสันหลังขึ้นเป็นครั้งแรกคือ ปลาไม่มีขากรรไกร เกิดสปอร์ของพืชบกขึ้นครั้งแรก
อยู่ในช่วง 490 – 443 ล้านปีก่อน ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สโตรมาโทไลต์ลดน้อยลง เกิดประการัง ไบรโอซัว และปลาหมึก สัตว์ทะเลแพร่พันธุ์ขึ้นสู่บริเวณน้ำตื้น เกิดสัตว์มีกระดูกสันหลังขึ้นเป็นครั้งแรกคือ ปลาไม่มีขากรรไกร เกิดสปอร์ของพืชบกขึ้นครั้งแรก
ไซลูเรียน (Silurian)
อยู่ในช่วง 443 – 417 ล้านปีก่อน เกิดสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกซึ่งใช้พลังงานเคมีจากภูเขาไฟใต้ทะเล (Hydrothermal) เป็นธาตุอาหาร เกิดปลามีขากรรไกรและสัตว์บกขึ้นเป็นครั้งแรก บนบกมีพืชที่ขยายพันธุ์ด้วยสปอร์
ดีโวเนียน (Devonian)
อยู่ในช่วง 417 – 354 ล้านปีก่อน อเมริกาเหนือ กรีนแลนด์ สก็อตแลนด์ รวมตัวกับยุโรป เป็นยุคของปลาดึกดำบรรพ์ ปลามีเหงือกแพร่พันธุ์เป็นจำนวนมาก เกิดปลามีกระดอง ปลาฉลาม หอยฝาเดียว (Ammonite) และแมลงขึ้นเป็นครั้งแรก บนบกเริ่มมีพืชที่ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและมีป่าเกิดขึ้น
คาร์บอนิเฟอรัส (Carboniferous)
อยู่ในช่วง 354 – 295 ล้านปีก่อน เป็นยุคของป่าเฟินขนาดยักษ์ปกคลุมห้วย หนอง คลองบึง ซึ่งกลายเป็นแหล่งน้ำมันดิบที่สำคัญในปัจจุบัน มีการแพร่พันธุ์ของแมลง และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เริ่มมีวิวัฒนาการของสัตว์เลื้อยคลาน กำเนิดไม้ตระกูลสน
เพอร์เมียน (Permian)
เป็นยุคสุดท้ายของมหายุคพาเลโอโซอิก ในช่วง 295 – 248 ล้านปีก่อน เปลือกโลกทวีปรวมตัวกันเป็นทวีปขนาดใหญ่ชื่อ "พันเจีย" (Pangaea) ในทะเลมีแนวประการังและไบโอซัวร์ บนบกเกิดการแพร่พันธุ์ของสัตว์เลื้อยคลานที่มีลักษณะคล้ายสัตว์เลี้ยงลูก ด้วยนม ในปลายยุคเพอร์เมียนได้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ (Mass extinction) สิ่งมีชีวิตทั้งบนบกและในทะเลหายไปร้อยละ 96 ของสปีชีส์ นับเป็นการปิดมหายุคพาเลโอโซอิก
ไทรแอสสิก (Triassic)
เป็นยุคแรกของมหายุคเมโสโซอิก ในช่วง 248 –
205
ล้านปีก่อน เป็นการเริ่มต้นของสัตว์พวกใหม่ๆ สัตว์เลื้อยคลานที่มีลักษณะคล้ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ถูกแทนที่ด้วยสัตว์ที่เป็นต้นตระกูลไดโนเสาร์
ผืนแผ่นดินไม่อุดมสมบูรณ์ต่อการเจริญเติบโตของพืช พืชพรรณส่วนใหญ่จึงเต็มไปด้วยสน
ปรง และเฟิร์น
จูแรสสิก (Jurassic)
เป็นยุคกลางของมหายุคเมโสโซอิก ในช่วง 205 –
144
ล้านปีก่อน เป็นยุคที่ไดโนเสาร์ครองโลก
ไดโนเสาร์บินได้เริ่มพัฒนาเป็นสัตว์ปีกจำพวกนก ไม้ในป่ายังเป็นพืชไร้ดอก หอยแอมโมไนต์พัฒนาแพร่หลายและวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์จำพวกปลาหมึก
เครเทเชียส (Cretaceous)
เป็นยุคสุดท้ายของมหายุคเมโสโซอิก ในช่วง 144 –
65
ล้านปีก่อน สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นใหม่ ได้แก่ งู นก และพืชมีดอก ไดโนเสาร์วิวัฒนาการให้มีนอ
ครีบหลัง และผิวหนังหนาสำหรับป้องกันตัว
ในปลายคาบครีเทเชียสได้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปหมดสิ้น
สิ่งมีชีวิตอื่นสูญพันธุ์ไปประมาณร้อยละ 70 ของสปีชีส์ สันนิษฐานว่า
ดาวหางพุ่งชนโลกที่คาบสมุทรยูคาทานในอ่าวเม็กซิโก เหตุการณ์นี้เรียกว่า "K-T
Boundary" ซึ่งหมายถึงรอยต่อระหว่างยุคเครเทเชียสและยุคเทอเชียร์
เทอเชียรี (Tertiary)
เป็นยุคแรกของมหายุคเซโนโซอิก อยู่ในช่วง 65 - 1.8 ล้านปีก่อน แผ่นธรณีอเมริกาเคลื่อนเข้าหากัน แผ่นธรณีอินเดียเคลื่อนที่เข้าหาแผ่นธรณีเอเซียทำให้เกิดเทือกเขาหิมาลัยและ ที่ราบสูงทิเบต ยุคเทอเชียรีแบ่งออกเป็น 2 สมัยคือ พาลีโอจีนและนีโอจีน
1.พาลีโอจีน (Paleogene) เป็นสมัยแรกของยุคเซโนโซอิก อยู่ในช่วง 65 – 24 ล้านปีก่อน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแพร่พันธุ์แทนที่ไดโนเสาร์ มีทั้งพวกกินพืชและกินเนื้อ บนบกเต็มไปด้วยป่าและทุ่งหญ้า ในทะเลมีปลาวาฬ
2.นีโอจีน (Neogene) อยู่ในช่วง 24 – 1.8 ล้านปีก่อน เป็นช่วงเวลาของสัตว์รุ่นใหม่ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสัตว์ในปัจจุบัน รวมทั้งลิงยืนสองขาซึ่งเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ (Homo erectus)
ควอเทอนารี (Quaternary)
เป็นยุคสุดท้ายของยุคโซโนโซอิก อยู่ในช่วง 1.8 ล้านปีก่อน จนถึงปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 สมัยคือ ไพลส์โตซีนและโฮโลซีน
- ไพลส์โตซีน (Pleistocene) อยู่ในช่วง 1.8 ล้านปี – 1 หมื่นปี เกิดยุคน้ำแข็ง ร้อยละ 30 ของซีกโลกเหนือปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ทำให้ไซบีเรียและอลาสกาเชื่อมต่อกัน มีเสือเขี้ยวโค้ง ช้างแมมมอท และหมีถ้ำ บรรพบุรุษของมนุษย์ได้อุบัติขึ้นในสายพันธุ์โฮโมเซเปียนส์ (Homo sapiens) เมื่อประมาณสองแสนปีที่แล้ว
- โฮโลซีน (Holocene) นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคน้ำแข็งเมื่อ 1 หมื่นปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน เป็นสมัยที่มนุษย์รู้จักการทำเกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ และอุตสาหกรรม ป่าในยุโรปถูกทำลายหมดสิ้น ป่าฝนเขตร้อนกำลังจะหมดไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น